เมื่อได้เข้าไปสัมผัสพูดคุยกับคุณป้าประนอม และน้องบอมจริงๆ ก็อดที่จะรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ เมื่อได้เข้าไปในบ้านก็ได้พบกับคุณป้าประนอม นอนตัวแข็งอยู่บนเตียง ใบหน้าซูบผอม แขนขาลีบเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เหลือเพียงปากที่ขยับได้
เมื่อส่งเสียงทักทายออกไป คุณป้าก็ได้ตอบกลับมาว่า "ใครมาน่ะ ให้ยื่นหน้าเข้ามาหาหน่อย มองไม่เห็น ขยับคอบ่ได้"
จากการที่ได้พูดคุยพบว่า คุณป้าได้แต่นอนบนเตียงขยับไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่หันหน้า มองเห็นแต่เพดาน กินได้แต่ข้าวต้มหรืออาหารเหลว เพราะอ้าปากมากไม่ได้ กลางวันจะต้องอยู่บ้านคนเดียว เพราะลูกชายต้องออกไปเรียนหนังสือ
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มียุงบินมาเกาะที่หางคิ้วคุณป้า คุณป้าก็บอกให้เอาออกให้หน่อยยุงมันกัด ก็เลยถามว่า แล้วถ้าพวกหนูไม่อยู่ ป้าจะทำยังไง คำตอบที่ได้คือ ก็ปล่อยให้ยุงมันกัด ฟังแล้วก็ได้แต่คิดในใจ ขนาดเรามีมือปัดยุงออกไปได้ ยังรู้สึกรำคาญแทบตาย แล้วกับคุณป้า ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะทรมานขนาดไหน

โดยส่วนตัว คิดว่าอาการของคุณป้า หนักยิ่งกว่าผู้ป่วยอัมพาตเสียอีก เพราะว่าผู้ป่วยอัมพาตยังให้ผู้อื่นขยับตัวให้ได้ พาไปไหนมาไหนได้ แต่คุณป้าขยับตัวแทบไม่ได้เลย แม้จะให้ผู้อื่นขยับให้ก็ตาม เพราะจะเจ็บมาก จะเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าอ้อมทีก็ต้องให้คนที่รู้จังหวะทำ ซึ่งก็คือน้องบอมคนเดียวเท่านั้น คุณป้าจะได้ไม่เจ็บ
มาถึงตอนพูดคุยกับน้องบอมบ้าง น้องบอมเล่าว่า ตนเองต้องทำอาหารกินเองตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ (นึกในใจ เรา 7 ขวบ ยังร้องไห้ อยากกินไอติมอยู่เลย) หลังเลิกเรียนต้องออกไป หาหนูนา หาปลามาขายเพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว ไม่มีโอกาสได้ไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ด้วยความที่น้องบอมเป็นเด็กเรียนดี เกรดเฉลี่ย 3.70 มีผู้ใหญ่ใจดีอยากให้ทุนการศึกษามากมาย แต่น้องบอมก็ไม่รับ บอกว่าอยากเข้าวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี พอถามว่าทำไม ก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่อยากไปเรียนไกล กลัวไม่มีคนดูแลแม่ กลัวคนอื่นทำแม่เจ็บ"
การไปเยี่ยมบ้านคุณป้าประนอมในครั้งนี้ ทำให้รู้สึกประทับใจ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจคุณป้าและน้องบอม กลับกลายเป็นว่าพวกเราได้รับกำลังใจดีดีกลับมาแทน คำพูดทั้งหลายที่เตรียมไปให้กำลังใจ รู้สึกได้ว่ามันไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาเลย
คุณป้าประนอม ผู้ที่เจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง น่าจะมีชีวิตที่ลำบาก ทรมาน น่าสงสาร แต่ก็ต้องทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนทุกคนแปลกใจ เพราะแววตาของคุณป้าที่สื่อออกมานั้น ไม่มีแววของความเศร้าหมองเลยแม้แต่น้อย มีแต่รอยยิ้มและแววตาที่สดใส
น้องบอม ชายผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อชะตากรรม ไม่เคยย่อท้อต่อชีวิต ไม่เคยต้องเสียน้ำตาให้กับโชคชะตาที่เล่นตลก แล้วเราล่ะ เสียน้ำตามากี่ครั้งแล้ว ให้กับเรื่องไร้สาระที่เราคิดว่ามันยิ่งใหญ่
นี่เป็นเรียงความที่น้องบอมเขียนเพื่อขอรับทุนการศึกษา ทำให้อาจารย์ที่โรงเรียนทราบเรื่องราว และช่วยกันเผยแพร่ ทำให้น้องบอมและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือ
สุดท้ายนี้ก็ขอมาแบ่งปันเรื่องราวดีๆ และมอบกำลังใจให้แก่ทุกคน ให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต ในการสู้ต่อไป บางครั้งปัญหาที่คิดว่าใหญ่ของเราแล้ว อาจจะเทียบไม่ได้เลย กับปัญหาของคนอื่น ชีวิตคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว อย่าคิดสั้นเลย หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ และขอส่งต่อกำลังใจในการใช้ชีวิตให้แก่ทุกๆคน

ขอขอบคุณ คุุณแมวน้ำหัววุ้น ที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ
No comments:
Post a Comment