
กลายเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งไปแล้วสำหรับ “วันวาเลนไทน์” เทศกาลแห่งความรัก วันที่ใครหลายคนเฝ้ารอเพื่อที่จะได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อคนพิเศษได้อย่างไม่เคอะเขิน ดอกไม้ ช็อกโกแลต ของขวัญ และอาหารมื้อพิเศษ ดูจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความรักและเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับวันวาเลนไทน์
ร้านอาหารต่างๆ พากันงัดไม้เด็ดออกมาเรียกลูกค้าที่กำลังเฟ้นหาร้านอาหารสำหรับมื้อพิเศษในวันพิเศษเช่นนี้ บ้างชูโรงด้วยเมนูอาหารที่รังสรรค์มาต้อนรับวาเลนไทน์โดยเฉพาะ บ้างใช้ความได้เปรียบในเรื่องทำเลและบรรยากาศร้านมาเป็นจุดขาย
“ผู้จัดการ 360 ํ” ขอถือโอกาสนี้พาเลาะริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปสำรวจร้านน่านั่ง เติมความหวานรับวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึงด้วยบรรยากาศริมเจ้าพระยาที่สุดแสนจะคลาสสิก
เริ่มกันที่แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครอย่าง “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (ASIATIQUE the riverfront)” แหล่งท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งริมเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เนรมิตมาจากท่าเรือเก่าของบริษัท อี๊สท์ เอเชียติ๊ก บริษัทสัญชาติเดนมาร์ก ที่เข้ามาดำเนินกิจการในสมัยรัชกาลที่ 5 อันเป็นจุดเริ่มต้นของประตูการค้าสากลระหว่างสยามประเทศและยุโรปในสมัยนั้น
ณ วันนี้ ท่าเรือและโกดังสินค้าของเก่าได้กลายเป็นร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และโรงละครที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว แต่ยังคงเสน่ห์ของพื้นที่ดั้งเดิมและสอดแทรกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งการค้าขายกับต่างประเทศในยุคล่าอาณานิคม วิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงสถาปัตยกรรมในยุคนั้นให้ผู้ที่ไปเยือนได้รับอาหารสมองควบคู่ไปด้วย
เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหารหลายสัญชาติ หลากแนว ทั้งไทย ฝรั่งเศส อิตาลี จีน ญี่ปุ่น ซีฟู้ด ผับ บาร์ เพราะฉะนั้นการหาร้านอาหารสำหรับมื้อพิเศษคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก จะนั่งจิบไวน์ที่โซนริมน้ำ หรือนั่งดื่มเบียร์ฟังเพลงเพราะๆ แบบโอเพ่นแอร์ เลือกได้ตามใจชอบ
ไม่เพียงแค่อาหารมื้อพิเศษเท่านั้น ร้านค้าต่างๆ ภายในไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งแห่งนี้ ยังเป็นแหล่งรวมของขวัญให้กับคนพิเศษได้เช่นกัน แทบจะเป็น one stop service สำหรับวันวาเลนไทน์ได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องทำใจถ้าจะพบเพื่อนร่วมฉลองจำนวนมากอยู่สักหน่อย เพราะผู้มาเยือนที่แห่งนี้หนาแน่นไม่ใช่น้อย
แม้จะตามกระแสแต่ขอชวนทวนน้ำขึ้นมาสักนิด เปลี่ยนบรรยากาศจากท่าเรือของบริษัทฝรั่งมานั่งชิลล์ริมเจ้าพระยาในย่านชาวจีน กับร้านเล็กๆ ที่มีชื่อสะดุดหูอย่าง “ซัมซารา คาเฟ่ แอนด์ มีล (SAMSARA CAFE' & MEAL)” ร้านเล็กที่ฝังตัวอยู่ในย่านพลุกพล่านอย่างเยาวราช แค่ทำเลที่ตั้งก็สร้างความแปลกใจอย่างมากให้กับหลายคนที่ได้ไปเยือน
จากถนนทรงวาดมุ่งตรงไปยังวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร เดินลัดเลาะตรอกเล็กๆ ข้างซอยวัด ผ่านร้านเซียงกงที่เต็มไปด้วยอะไหล่รถยนต์และกองโลหะ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านน่ารักๆ ซ่อนตัวอยู่ เดินผ่านกองโลหะเข้าไปจะได้พบกับบ้านไม้ริมน้ำอันเป็นที่ตั้งของร้านซัมซารา ร้านสุดชิลล์ที่บางคนถึงกับตั้งสมญานามว่าเป็น “ร้านลืมโลก” เพราะเมื่อเข้าไปในร้าน เหมือนได้หลุดออกจากความวุ่นวายของโลกที่อยู่ภายนอก
ซัมซาราเกิดจากความคิดของนักเดินทางและศิลปินสาวชาวญี่ปุ่นที่ดัดแปลงบ้านไม้เก่าริมน้ำเจ้าพระยาให้กลายเป็นร้านเล็กๆ น่ารัก แต่บรรยากาศไม่เล็ก เพราะเมื่อบ้านไม้มาบรรจบกับสายน้ำเจ้าพระยา อบอวลไปด้วยงานศิลปะที่ทางร้านหมุนเวียนมานำเสนอ นับว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและทำให้ร้านนี้อยู่ในใจใครหลายคน
ถ้าต้องการจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมวิวเจ้าพระยาในบรรยากาศสบายๆ ไม่วุ่นวาย และยิ่งถ้าชอบงานศิลป์ด้วยแล้ว ซัมซาราน่าจะเป็นคำตอบที่ดีทีเดียว
ดอกไม้กับวันวาเลนไทน์เป็นของคู่กัน ดังนั้นเราจะพาไปเลือกซื้อดอกไม้กันต่อที่ย่านปากคลองตลาด ตลาดดอกไม้ริมเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุด และคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ เพราะต่างก็มาเลือกหาดอกไม้เพื่อเป็นสื่อแสดงความรักให้กัน เลือกซื้อกันได้ตามใจชอบ ซึ่งราคาดอกไม้ก็พุ่งสูงขึ้นตามความต้องการไปด้วยเช่นกัน
ใจกลางปากคลองตลาดด้านที่ติดริมแม่น้ำ เป็นที่ตั้งของ “ตลาดยอดพิมาน” ไทยเฮอริเทจ คอนเซ็ปต์มอลล์ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ประกอบด้วยร้านเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และร้านอาหาร จุดเด่นอยู่ที่อาคารทรงโคโลเนียล และทางเดินริมน้ำที่ทอดตัวยาวให้เดินรับลมเย็นจากสายน้ำได้สบายๆ พร้อมฉากของสะพานพุทธ วัด ศาลเจ้าจีน และโบสถ์คริสต์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นบรรยากาศที่แตกต่างแต่ลงตัวและมีเสน่ห์ชวนมอง
สำหรับย่านปากคลองตลาดนอกจากจะอบอวลไปด้วยดอกไม้แล้ว ในละแวกนี้ยังมีร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดี วิวสวย เป็นที่จับจองของคู่รักหลายคู่ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนพร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและพระปรางค์วัดอรุณ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูจะเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ และยังเป็นจุดขายของหลายๆ ร้านย่านนี้ด้วยเช่นกัน
เริ่มกันที่ The Deck by the River ร้านริมน้ำที่อยู่ใกล้กับวัดโพธิ์และไม่ไกลจากปากคลองตลาดนัก เป็นร้านอาหารและมีส่วนที่เป็นโรงแรมดีไซน์เก๋อยู่ด้วยกันภายใต้ชื่อ Arun Residence สำหรับส่วนที่เป็นร้านอาหารนั้นตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำ เน้นอาหารแนวไทยฟิวชั่นและฝรั่งเศสต้นตำรับ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวาเลนไทน์โดยเฉพาะ
แต่ถ้าใครต้องการเพิ่มความโรแมนติก บอกรักกันโดยมีพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามเป็นฉากหลัง แนะนำให้ขึ้นไปที่บาร์ชั้นบนสุดของร้าน ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ายิ่งทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้างดงามมากขึ้นไปอีก ดีกรีความโรแมนติกพุ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ถัดจาก The Deck by the River มาไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของ Sala Rattanakosin eatery and bar (ศาลารัตนโกสินทร์) อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งบรรยากาศและทำเลของร้านดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับศาลารัตนโกสินทร์นั้นโดยภาพรวมคล้ายกับ The Deck by the River คือมีทั้งส่วนที่เป็นร้านอาหาร บาร์ และโรงแรม บาร์อยู่ที่ชั้นบนสุดเช่นกัน โดยมีจุดขายร่วมกันของร้านย่านนี้คือทำเลและบรรยากาศริมน้ำ ต่างกันที่ศาลารัตนโกสินทร์ตกแต่งแบบเรียบหรูดูดี เน้นกำแพงปูนเปลือยและโทนสีขาวดำเป็นหลัก จุดเด่นอีกอย่างคือบาร์บนชั้นดาดฟ้าที่สามารถเห็นวิวของเกาะรัตนโกสินทร์ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว
สองฝั่งริมน้ำเจ้าพระยายังมีร้านอาหาร บูทีคโฮเทล คาเฟ่น่ารักๆ บรรยากาศดี อาหารอร่อย รอคอยให้คู่รักได้ร่วมกัน “ค้นหา” อีกหลายแห่ง เหมาะสำหรับวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง ลองไปสัมผัสดูแล้ว จะได้พบว่าสายน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ยังไม่สิ้นเสน่ห์... สุขสันต์วันแห่งความรัก
No comments:
Post a Comment