เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา ต้นชมพู่ยักษ์ซึ่งปลูกที่สวนแห่งหนึ่งในไต้หวันได้ออกดอกและติดผลก่อนฤดู มีการทดลองไว้ผลพวงละ 1-5 ผล โดยเลือกซอยแต่งผลที่มีความสมบูรณ์เอาไว้ ปรากฏว่าการไว้ผลที่ 3-5 ผลต่อช่อมีความเหมาะสมที่สุด ผลชมพู่มีขนาดผลใหญ่สม่ำเสมอ เฉลี่ยน้ำหนักผลต่อพวงได้ 700-1,000 กรัม
และพบว่าผลชมพู่ที่เก็บมานั้นมีขนาดของผลใหญ่กว่าชมพู่สายพันธุ์อื่น ๆ มีน้ำหนักผลประมาณ 200-300 กรัม หรือ 3-5 ผลต่อกิโลกรัม ผิวผลมีสีชมพูหรือสีชมพูอมแดง เมื่อแก่จัดมีสีชมพูเข้ม ลักษณะของผลเป็น รูประฆังคว่ำใหญ่ มีความกว้างของผลเฉลี่ย 7 เซนติเมตรและความยาวของผล เฉลี่ย 9-10 เซนติเมตร เนื้อหนาและเป็นชมพู่ไร้เมล็ด รสชาติหวานกรอบมีความหวานประมาณ 13-14 บริกซ์ ถ้าผลผลิตแก่และเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้งจะมีความหวานสูงกว่านี้ จัดเป็นชมพู่สายพันธุ์หนึ่งที่ออกดอกและติดผลดก
ความจริงแล้วการตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมทรงพุ่มของต้นชมพู่ไม่ให้สูงเกินไปได้มีเกษตรกรไทยบางรายได้นำมาปฏิบัติแล้วต่างก็ยอมรับว่าได้ผลดี สะดวกต่อการจัดการโดยเฉพาะในการห่อผลและการเก็บเกี่ยว ในการตัดแต่งต้นชมพู่ทุกปีจะต้องควบคุมความสูงไม่ให้เกิน 4 เมตร แต่ถ้าจะให้ดีควรจะควบคุมให้สูงประมาณ 3 เมตร
ซึ่งวิธีการตัดจะไม่ตัดแต่งกิ่งอย่างหนัก แตกต่างจากการตัดแต่งกิ่งมะม่วง การตัดแต่งกิ่งควรจะตัดกิ่งที่อยู่ใต้ใบ หรือยอดที่แตกข้างใบล่าง และไม่ควรตัดแต่งกิ่งโดยให้บริเวณที่ตัดนั้นโดนแสงแดด จะทำให้กิ่งใหม่ที่แตกออกมากเป็น 3-4 ยอด ทำให้จัดการได้ยากมาก รวมถึงควบคุมการออกดอกและติดผลได้ยากด้วย ดังนั้นจะต้องตัดกิ่งที่มีใบบังอยู่ ต้นชมพู่หากขาดปุ๋ยหรือต้นไม่สมบูรณ์ จะแสดงอาการให้เห็นที่ใบก่อน เช่น ใบซีดและไม่สดชื่น เกษตรกรจะต้องดูแลโคนต้นชมพู่ให้สะอาด และจะต้องมีความรู้ว่ารากฝอยที่มีหน้าที่ดูดน้ำและปุ๋ยนั้นอยู่ห่างจากทรงพุ่มประมาณ 1 ศอก หรือประมาณ 0.5 เมตร
ดังนั้นในการให้ปุ๋ยแต่ละครั้งจะต้อง ใส่ห่างจากทรงพุ่มประมาณ 0.5 เมตร ซึ่งสอดคล้องกับการปรับปรุงคุณภาพของชมพู่ในประเทศไทย ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระยะเลี้ยงผลของชมพู่นั้นสั้นมาก หลังจากระยะถอดหมวก คือ ติดผลเท่ากับนิ้วก้อยจนแก่และเก็บเกี่ยวได้ จะใช้เวลาประมาณ 30-40 วันเท่านั้น
ปัจจุบันหลายคนเริ่มสนใจและคิดว่าชมพู่ยักษ์ไต้หวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการปลูกชมพู่ในประเทศไทยเพราะมีความโดดเด่นในเรื่องขนาดผลที่ใหญ่และรสชาติมีความหวานกรอบมากไม่แพ้ชมพู่พันธุ์การค้าสายพันธุ์อื่น ยิ่งได้อากาศหนาว สีผลยิ่งมีสีชมพูเข้มสวย และรสชาติดียิ่งขึ้น.
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
No comments:
Post a Comment