Wednesday, December 31, 2014

พาชิม 27 ไอศกรีมในตำนาน...ที่คนทั่วโลกบอก "ต้องกินก่อนตาย"

ขอบอกเลยว่าใครที่ชอบกิน ไอศกรีมงานนี้พลาดไม่ได้ เมื่อเว็บไซต์ Buzzfeed ได้รวบรวม “27 ร้านไอศกรีมระดับตำนานที่โด่งดังสุดขีด จนคอไอศกรีมทั่วโลกสาบานว่า ข้าต้องกินให้จงได้ ก่อนจะจากโลกนี้ไป
1.Amy’s Ice Cream (เมืองออสติน) ที่นี่มีไอศกรีมหลากชนิดคอยรอต้อนรับคุณ เริ่มจากสูตรแปลกๆตั้งแต่ Mexican Vailla ที่มีรสชาติสุดเจ๋ง ต่อด้วย Belgian Chocolateที่นำช็อคโกแลตจากเบลเยี่ยมแท้ๆ มาทำจนได้รสชาติระดับพรีเมี่ยมสุดๆ
2. Berthillon (กรุงปารีส)นี่คือร้านสุดเจ๋งในกรุงปารีสที่เปิดทำการตั้งแต่ปี 1954 แถมยังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าไม่ได้มีเฉพาะคนอเมริกันเท่านั้น ที่นิยมกินไอศกรีม ซึ่งที่นี่แต่ละฤดูกาลจะมีรสชาติแตกต่างกันไป แต่ขอบอกว่าเด็ดสุดยอด
3. Bi-Rite Ice Cream (เมืองซานฟรานซิสโก)ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของ รสชาติไอศกรีมแบบประหลาดโลกอีกทั้งยังมีไอศกรีมเค้ก และไอศกรีมพายที่ถูกใจแฟนๆคนชอบของหวานเป็นที่สุด
4. Big Gay Ice Cream (นิวยอร์ก)นี่คือร้านไอศกรีมที่มีชื่อที่ สะดุดใจใครหลายคน อีกทั้งยังมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น Salty Pimp หรือ Bea Arthurก็ล้วนแล้วแต่ทำมาจากสูตรลับของทางร้าน ที่ทำเอาลูกค้าหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น.
5. Blue Marble Ice Cream  (เมืองบรุกลิน)ที่นี่คือร้านที่เด็กแนวในเมืองบรุกลินชอบมากินกันประจำ เพราะที่นี่ใช้นมสดจากธรรมชาติในการสรรสร้างไอศกรีม จนโด่งดังถึงขนาดที่ New York Magazine และ Oprah ต้องนำไปพูดถึงด้วยล่ะจ้ะ..
6.Bubbies  (เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย)ที่นี่คือร้านไอศกรีมแบบดั้งเดิมที่มีเมนูขึ้นชื่อก็คือ ไอศกรีมแบบ Mochi ที่มีรสชาติหวานนุ่ม ผสานด้วยราสเบอร์รี่จนลงตัวอย่าบอกใคร
7.Carnival Barker’s (เมืองดัลลาส)ที่นี่คือร้านไอศกรีมที่ขึ้นชื่อเรื่อง ไอเดียอันบ้าระห่ำตั้งแต่ Nutella vodka ที่นำว็อดก้ามาผสมจนได้รสชาติเด็ดๆแบบพิลึกๆ รึไม่ก็ Fat Elvis ที่นำเนยถั่ว,กล้วย,เบค่อนและน้ำผึ้งมาผสมเข้าด้วยกัน ฮึ่ม แม้จะฟังดูประหลาดๆแต่ร้านนี้ดังใช้ได้เลยล่ะ
8.Chinatown Ice Cream Factory (นิวยอร์ก)แม้จะฟังชื่อดูจีนสุดๆ แต่ขอบอกว่านี่คือร้านดังในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งที่นี่ใช้สูตรต้นตำรับเดิมจากเมืองจีน และมีทั้งรสมะม่วงไปจนถึงสัปปะรด ที่มีเอกลักษณ์สุดยอด
9.Churn (เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา) นี่เป็นร้านในเมืองฟีนิกซ์ ที่ชาวเมืองยกย่องว่าเป็น ร้านไอศกรีมที่ดีที่สุดของที่นี่โดยไอศกรีมของที่นี่ไม่มีการนำของเก่ามาใช้ขอบอกว่าสดใหม่ทุกวัน แถมยังขึ้นชื่อในเรื่องของรสวนิลาและช็อคโกแลตที่อร่อยเด็ดอย่าบอกใคร
10.Coolhaus  (เมือง Culver รัฐแคลิฟอร์เนีย) นี่คือรสไอศกรีมสุดเก๋ที่ตะลอนไปทั่วเมือง Culver จนกลายเป็นที่รู้จักของผู้คน แถมมีทั้งไอศกรีมแบบแซนวิชรึไม่ก็ไอศกรีมที่ผสมคุ้กกี้,แผ่นมันฝรั่ง และช็อคโกแลต ซึ่งความเป็นมิตรและน่ารักของร้านทำเอาชาวเมืองติดใจติดอกติดใจกันทั่
11.CREAM (เมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย) ที่นี่คือร้านที่มีสโลแกนว่า คุ้กกี้คือทุกสิ่งของร้านเราซึ่งจากจุดยืนนี้ทำให้แทบทุกเมนูของทางร้านต้องใช้คุ้กกี้เข้าไปในส่วนผสม จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ใครก็เลียนแบบยาก
12.Diddy Riese  (เมืองเวสต์วูด)ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย UCLA ซึ่งจะออกแนวเน้นหนักไปที่ ความอิ่มท้องซะหน่อย และแม้หน้าตาจะไม่ได้หรูเหมือนที่ใด แต่ปริมาณและรสชาติก็ถือว่าเยี่ยมเลย
13.Gelateria Del Teatro (กรุงโรม)ที่นี่คือร้านหายากที่น้อยคนมากๆจะรู้จัก แต่ขอบอกว่าหากใครค้นพบร้านระดับแรร์นี้ จะได้พบกับรสชาติระดับมหัศจรรย์สุดขั้ว แบบอิตาลี่แท้แถมยังมีเมนูเด็ดอย่างช็อคโกแลตที่กินคู่กับไวน์แดง ที่จี๊ดจนลูกค้าติดใจ
14.Gannon’s  (นิวยอร์ก)ที่นี่เป็นร้านที่คนในเมืองชอบมานั่งกินกันในฤดูที่เริ่มมีอากาศอบอุ่น แถมเมนูก็มีให้เลือกสารพัดจนตอบได้แทบทุกโจทย์ของลูกค้า
15.Gelato Messina (ออสเตรเลีย)ว่ากันว่าที่นี่มีรสชาติไอศกรีมที่ นุ่มลิ้นระดับสุดยอดแถมยังมีการผสมผสานโดยใช้ Marsala, Tiramisu ในการทานคู่กับไอศกรีมอีกด้วย จนโดดเด่นเกินใคร
16.Giolitti (กรุงโรม อิตาลี่)ที่นี่คือร้านข้างถนนในกรุงโรม แต่กลับมีไอศกรีมระดับมหัศจรรย์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงขั้นที่ว่าเคยส่งไปให้โป๊บ John Paul ที่ 2 ชิมด้วยนะจ้ะ
17.Golden Reef Diner (นิวยอร์ก)ที่นี่คือร้านไอศกรีมที่นำสูตรต้นตำรับจาก อิตาลีมาปรับใช้ แถมยังมีไอศกรีม Gelato แบบอิตาลีแท้ที่รสชาติจัดอยู่ในระดับแนวหน้าเชียวล่ะ
18.Honey Hut Ice Cream (เมืองคลีฟแลนด์)ที่นี่เปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นดั่ง กระท่อมน้ำผึ้งที่มีของหวานคอยเอาใจลูกค้าเพียบ โดยที่นี่มีช็อคโกแลตชิพกลิ่นมินท์ และพีแคนราดน้ำผึ้ง(ผลไม้ชนิดหนึ่ง) ที่อร่อยสุดยอด
19.Island Creamery (เมืองชินโคทีก)ที่นี่คือร้านเก่าแก่ที่เปิดทำการมายาวนานกว่า 40 ปี และหากคุณชอบลองอะไรแปลกใหม่ ที่นี่ก็มีไอศกรีมรสเด็ดให้ลองเพียบ อาทิ Iced Nirvana (ไอศกรีมรสเอ็กเพรสโซ่ผสมช็อคโกแลตชิพ) Java Jolt (ไอศกรีมกาแฟผสมช็อคโกแลตราดด้วยเมล็ดกาแฟเอ็กเพรสโซ่ หรือบราวนี่ย์)
20.J.P. Lick’s  (บอสตัน)สถิติยังเผยว่าบอสตันถือเป็นดินแดนที่มีคนกินไอศกรีมสูงติดลำดับต้นๆในสหรัฐฯซึ่งหนึ่งในร้านที่ประสบความสำเร็จก็คือ J.P.Lick’sโดยแต่ละเดือนที่นี่จะมีเมนูเอกลักษณ์ อาทิ Mojito Sorbet, Root Beer Float ซึ่งชาวเมืองติดอกติดใจไม่น้อย
21.Jeni’s Splendid Ice Creams (เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ)นี่เป็นร้านไอศกรีมที่ขายเป็น Scoop แต่ที่นี่มีรสชาติแบบดั้งเดิมสไตล์โอไฮโอที่คุณไม่อาจหาได้จากที่ไหน ซึ่งมักราดด้วยคาราเมลผสมเกลือ แถมแต่ละรสก็ยังขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาลอีกด้วย
22.Milk (เมืองลอสแองเจลิส)ที่นี่คือร้านขึ้นชื่อด้วยเมนูเด็ดอย่าง ไอศกรีมมาการองซึ่งนุ่มลิ้นและฟินสุดๆ อีกทั้งยังมีนมปั่นที่รสชาติน่าประทับใจ
23.OwowCow Creamery (เมือง Ottsvile รัฐเพนซิลเวเนีย)ที่นี่คือสุดยอดร้านไอศกรีมในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่คุณจะได้พบรสชาติสุดคลาสสิกตั้งแต่ Maple Walnut, Black Raspberry,Pistachioซึ่งฮิตซะจนที่นี่กลายเป็นร้านที่ดังมากในท้องถิ่น
24.Portillo’s (เมืองชิคาโก)แม้ร้านนี้จะขึ้นชื่อในเรื่องของ ไส้กรอกแต่ ไอศกรีมก็พลาดไม่ได้เช่นกันซึ่งเมนูเด็ดก็คือ “Chocolate Cake Shake”ที่ผสมเข้ากันจนรสชาติลงตัวสุดๆ
25.Salt & Straw (เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน)นี่ถือเป็นร้านไอศกรีมที่มีชื่อเสียงของรสชาติ เบอร์รี่ระดับสุดยอด อีกทั้งยังมีไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ผสมชีสแพะที่มีรสเป็นเอกลักษณ์สุดๆ นอกจากนี้ยังมีรสช็อคโกแลตและกาแฟที่เด็ดไม่แพ้กัน
26.The Bent Spoon เมือง พรินซ์ตัน (รัฐนิวเจอร์ซีย์)นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดร้านในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกนักศึกษา หรือไม่ก็เด็กในหอพัก โดยไอศกรีมของที่นี่มีการนำเบียร์มาผสมกับดาร์กช็อคโกแลตด้วยล่ะ จนนักศึกษาติดใจ
27.The Comfy Cow (ลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี)นี่เป็นร้านไอศกรีมสไตล์ ‘Bourbon’  ที่มีลูกกวาดรสเด็ดแซมอยู่ในไอศกรีมด้วย ซึ่งเจ๋งจนคนติดใจเชียวล่ะ

อุ้มบุญมาเกิด

ในขณะที่ลูกเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของใครหลายๆ คน แต่สำหรับคนบางคน...ทันทีที่รู้ว่ามีลูกน้อยอยู่ในครรภ์ กลับเป็นทุกข์เหมือนมีหอกแหลมทิ่มแทงใจ มันบาดลึกลงไปในความรู้สึก บางคนโกรธแค้น ผิดหวัง เสียใจ บางคนรู้สึกอับอาย ตกใจ หวาดกลัว 
       ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ไหนก็ตาม อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาทำลายหรือตัดรอนชีวิตน้อยๆ ที่กำลังอุบัติขึ้นในครรภ์ของผู้เป็นมารดาเลย เพราะการทำแท้งเอาเด็กออกด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือเพียงเพื่อให้หลุดพ้นจากคำครหานินทาอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที  แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคนเรานั้นกว่าจะเกิดขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
       ถ้าจะว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว การที่คนเราจะเกิดขึ้นมาได้นั้น ต้องอาศัยจังหวะและเวลาที่พอเหมาะพอดี เริ่มตั้งแต่การที่มีสเปิร์มประมาณ 200 ล้านตัว แหวกว่ายไปตามท่อรังไข่ ทุกตัวต่างมุ่งหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ไข่ใบเล็กๆ เพียงใบเดียว ในบรรดาสเปิร์มประมาณ 200 ล้านตัวนี้ จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปผสมในไข่ของผู้หญิงได้ และเมื่อเข้าไปได้แล้วไข่จะสร้างผนังแข็งๆ เหมือนเป็นเกราะหุ้มป้องกันไม่ให้ตัวอื่นเข้าไปได้อีก และนี่ก็คือกลไกของธรรมชาติเมื่อมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น
       หากจะกล่าวตามหลักพระพุทธศาสนา ก็ต้องบอกว่ากรรมนำเรามาเกิด คนเราเกิดมาเพราะมีกรรม เมื่อได้ทำกรรมอะไรไว้แล้ว กรรมนั้นก็จะพาชีวิตไปอยู่ในชั้นหรือภพภูมิที่เหมาะสมกับกรรมที่เราได้ทำลงไป เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เราอาจแบ่งแยกภพภูมิออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ 
       สุขคติภูมิ หมายถึง ภพภูมิที่อยู่ได้แบบสบายๆ ไม่ทุกข์ยาก ได้แก่ ชีวิตที่เกิดในโลกมนุษย์ ชีวิตที่เกิดเป็นเทวดาในโลกสวรรค์ และ ชีวิตที่เกิดเป็นพรหมในพรหมโลก
       ทุขคติภูมิ หรือ อบายภูมิ หมายถึง ภพภูมิที่ไม่น่าอยู่ แต่หากใครหลุดไปอยู่แล้ว จะต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ได้แก่ ชีวิตที่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานซึ่งยังคงอยู่ร่วมโลกเดียวกับมนุษย์ ชีวิตที่เกิดเป็นเปรต อสุรกาย และ ชีวิตที่เกิดในนรกอันเนื่องจากกรรมชั่วที่ได้ทำไว้ในขณะที่เป็นมนุษย์ เช่น ผิดศีล เบียดเบียนกดขี่ข่มเหงผู้อื่น ฆ่าคนตาย เป็นอันธพาล ประพฤติไม่ดีต่อพ่อแม่ สมณชีพราหมณ์ ผู้ทรงศีลทั้งหลาย และมีใจหยาบ มักโกรธ เกลียด อิจฉา ผู้อื่น เป็นต้น 
       การเกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา ย่อมนับว่าเป็นเรื่องของคนมีบุญบารมีจริงๆ เพราะโอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์มีน้อยมาก แต่การเกิดในอบายภูมิ เช่น เกิดเป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต และสัตว์นรกนั้นง่ายกว่ากันเยอะ เคยมีฝรั่งทำสารคดีเกี่ยวกับแมลงชนิดต่าง ๆ ออกมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์โดยกล่าวว่า ตรงไหนที่มีมนุษย์ 1 คน ตรงนั้นจะมีแมลงและสัตว์ตัวเล็ก ๆ ต่างสัญชาติ 20 ล้านตัวเสมอ จึงเห็นได้ชัดว่าโอกาสที่จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นมีมากเหลือเกิน เมื่อรู้อย่างนี้แล้วจึงควรหมั่นสร้างบุญ สร้างกุศลกันไว้ให้มากๆ
       และเมื่อเรามีส่วนทำให้วิญญาณดวงหนึ่งได้มาเกิดในภพภูมิของมนุษย์แล้ว ก็จงอย่าได้ตัดรอนชีวิตเขาด้วยการทำแท้งเพราะเป็นกรรมหนัก แทนที่วิญญาณของเขาจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ กลับต้องมาสิงแทรกเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่ในร่างกายผู้เป็นแม่ ส่งผลให้ทำมาหากินไม่ขึ้น เก็บเงินเก็บทองไม่อยู่ โชคลาภไม่มี มีแต่เรื่องเดือดร้อน ครอบครัวแตกแยก สุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยเป็นประจำ บางรายโชคร้ายโดนเขาเล่นงานถึงขั้นตายตกไปตามกันเลยก็มี
       ท่านอาจารย์วัลลภเคยกล่าวกับผู้เขียนว่า เด็กบางคนเกิดมาเพื่อช่วยเหลือผู้เป็นแม่ให้เจริญรุ่งเรือง อยู่ดีมีสุข พ้นทุกข์พ้นเคราะห์ที่กำลังเผชิญอยู่ แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้เป็นแม่ที่หวังจะเอาตัวรอด ให้หลุดพ้นจากคำครหานินทาหรือความอับอาย ก็ด่วนไปทำแท้งฆ่าผู้ที่จะมาช่วยเหลือตัวเองเสียก่อน ทำให้ลำบากยากแค้นยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งกรณีนี้พบได้บ่อยครั้งมาก
ที่มา:มูลนิธิธรรมบันดาล 

Happy New Year 2015









ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่ พร้อม ส.ค.ส.ปี 2558

มื่อวันที่ 31 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัส แด่ปวงชนชาวไทยเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2558 ว่า ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกคน ให้มีความสุขความเจริญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารภปรารถนา ในปีใหม่นี้ ขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งใจให้เที่ยงตรงแน่วแน่ ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้คิดให้ดีให้รอบคอบและรอบด้าน เพื่อให้การกระทำนั้นบังเกิดผลเป็นความสุขความเจริญที่แท้จริงและยั่งยืนทั้งแก่ตนเองและประเทศชาติ ขออนุภาพคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุขสวัสดี พร้อมด้วยพรอันเป็นมงคลทุกประการ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2558 แก่ประชาชนชาวไทย

ส.ค.ส.พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2558 นี้ เป็นภาพจากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก ฉบับการ์ตูน ในเหตุการณ์ขณะเรือที่กำลังแล่นไปสุวรรณภูมิล่ม พระมหาชนกต้องอดทนว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรนานถึง 7 วัน 7 คืน และนางมณีเมขลาได้มาอำนวยพรให้ กลางภาพ ส.ค.ส.มีพรพระราชทานจากพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ว่า ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์ 

ด้านล่างของภาพด้านขวา มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ และข้อความภาษาอังกฤษ พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีขาวว่า Happy New Year และชื่อพระราชนิพนธ์พระมหาชนก The Story of MAHAJANAKA ด้านซ้ายบนของส.ค.ส.มีตราพระมหาพิชัยมงกุฎและผอบทองประดับ มีตัวอักษรสีเหลืองข้อความว่า ส.ค.ส.พ.ศ.2558 และตัวอักษรสีขาวข้อความว่า สวัสดีปีใหม่ 

ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีแถบสีเข้ม มุมล่างซ้ายมีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 301021 ธ.ค.2557 มุมด้านขวามีข้อความว่ามหาวิทยาลัยปูทะเลย์ มิถิลา 2557 

กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกัน ด้านบน ด้านซ้ายและด้านขวา เรียงกันด้านละ 2 แถว ส่วนด้านล่างเรียงกัน 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม

Tuesday, December 30, 2014

ของต้องหลีกเลี่ยงในการใช้เป็นของขวัญ ในแต่ละประเทศ



1. ประเทศนอร์เวย์ ไม่ควรห่อช่อดอกไม้ก่อนจะมอบให้คนอื่น ที่นั่นนิยมให้เป็นดอกไม้ดอกเดียวมากกว่า และเวลาไปบ้านคนนอร์เวย์ ควรนำของติดไม้ติดมือไปด้วย

2. ประเทศรัสเซีย ไม่ซื้อดอกไม้จำนวนคู่ให้เป็นของขวัญ เพราะเลขคู่จะใช้สำหรับคนตายแล้ว ช่อดอกไม้ที่เหมาะสมจะมี 1 ดอก 3 ดอก 5 ดอก 7 ดอก 9 ดอก เป็นต้น

3. ประเทศเยอรมัน ห้ามอวยพรวันเกิดล่วงหน้า ต้องให้พอดีวัน หรือไม่ก็หลังจากวันนั้น เพราะคนเยอรมันเขาถือเรื่องโชคลาง บอกว่าจะโชคร้ายตลอดปีถ้ามาอวยพรวันเกิดล่วงหน้า

4. ประเทศจีน ห้ามให้ "ร่ม" หรือ "นาฬิกา" เป็นของขวัญ เพราะ "นาฬิกา" ในภาษาจีนจะออกเสียง "ซี่วจง" ซึ่งไปคล้ายกับคำว่า "ซุ่ยจง" ที่แปลว่า ดูใจครั้งสุดท้าย มันเป็นเรื่องอัปมงคลอย่างมาก ส่วน "ร่ม" จะออกเสียงคล้ายกับคำที่มีความหมาย "กระจัดกระจาย" ซึ่งเป็นความหมายไม่ดี คนจีนเลยไม่ชอบ จริงๆแล้วของต้องห้าม ที่ไม่ควรให้ชาวจีนเป็นของขวัญ ยังมี สาลี่ ที่เหมือนการแช่ง ผ้าเช็ดหน้า ที่คนจีนถือเพราะมันเป็นผ้าไว้ซับน้ำตา

5. ประเทศเวียดนาม ห้ามรับของมือเดียว (โดยเฉพาะมือซ้าย) มีหลายประเทศที่มีข้อห้าม หรือธรรมเนียมปฏิบัติข้อนี้ เพราะ "มือซ้าย" หลายๆประเทศเห็นว่าเป็นมือสำหรับชำระล้าง เป็นมือสกปรก จึงไม่ควรรับสิ่งของใดๆ หรือหากจะใช้ ต้องใช้พร้อมกันสองมือในการรับของ

6. ประเทศเนเธอร์แลนด์ ห้ามให้ กรรไกร หรือของมีคม เป็นของขวัญ จริงๆแล้ว การให้ของมีคมเป็นของขวัญ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่แล้ว เพราะอันตรายแถมไม่ได้เป็นของที่สื่อถึงความจริงใจ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ของมีคมเป็นของขวัญ
ที่มา ครอบครัวข่าว3

สูตรไมโล โอวัลติน



โอวัลตินสูตรแรก
1. โอวันติน 5 ช้อนชา 
2. น้ำร้อน 1/4 ถ้วย ประมาณ 50 cc
3. น้ำเย็นเท่ากับน้ำร้อน
4. นมข้นหวาน 3 ช้อนชา
5. คนให้ละลาย เติมน้ำแข็ง

โอวัลตินสูตรกลมกล่อม
1. โอวันติน 5 ช้อนชา 
2. น้ำร้อน 3/4 ถ้วย ประมาณ 150 cc
4. นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
5. คนให้ละลาย

ชงไมโล สูตร1
1.นม 250ซีซี หรือ 1ถ้วย
2.ไมโล5ช้อนชา
3.นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
4.คนให้เข้ากัน 
5.แช่ในตู้เย็นให้เย็นจัด แล้วดื่ม

วิธีชงไมโล สุตร2
1.ผงไมโล 2 ช้อนตวง
2.นมข้นหวาน 2 ช้อนชา 
3. คอฟฟี่เมล 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำร้อน 1 แก้ว 
5.แช่ให้เย็นจัด แล้วดื่ม

ที่รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ



อุปกรณ์รดน้ำอัตโนมัติที่มีขายหากเอาดีๆ ก็มักจะแพงมากครับ แบบที่ถูกๆ ติดตามหัวก๊อกอันละไม่กี่ร้อย ก็มีปัญหาเวลาแบตอ่อน หรือเก่าทำให้ค้าง เสียค่าน้ำทีละหลายร้อยบาท ที่มีการดัดแปลงทำเองก็มักอันตรายและ ไม่ดีพอ ยุ่งยาก

กระทู้นี้จะเสนอวิธีการที่ง่ายมากครับ ปลอดภัย และอยู่ในระดับมาตรฐานเลยครับ ทำแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จใครก็ทำได้ครับ
แถมโปรแกรมได้หลากหลายครับ ผมใช้มาแล้วเป็นปียังไม่มีปัญหาใดๆ และดูแลง่ายครับ

อุปกรณ์ที่มี
1 Timer Digital ซื้อได้ที่ร้านอมร หรือ Global house อันละ 320 บาท
2 Solinoid Valve ของ Rain 24V มีขายที่ Global 680 บาท
3 หม้อแปลง 240 เป็น 24 V ประมาณ 250 บาท
4 สายไฟคู่แบบเล็กๆ ร้านอมรมี
5 สายไฟ 240 v ที่ใช้เดินตามบ้านซัก เมตร
6 ปลั๊ก

Solinoid Valve ก็เอาไปต่อกับก๊อกน้ำเดิมได้เลยครับ เวลาไปซื้อก็ดูด้วยว่าก๊อกเดิมกี่หุน ราคา Valve 4 หุน กับ 6 หุนราคาเท่ากัน
ผมซื้อ 6 หุนเพราะเผื่ออนาคต แต่พอมาต่อที่บ้านก็ใช้ Adapter ย่อลงเป็น 4 หุน หากใครซื้อ 4หุนมาก็ต่อได้เลย

Valve จะไม่ทำงานนะครับหากน้ำเบามากเกิน บ้านไหนมีปั๊มก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่มีก็ตั้งตอนช่วงดึกคนไม่ใช้น้ำครับ
Timer ตั้งตามคู่มือมันนะครับ ศึกษาดีๆไม่งั้นตั้งแล้วมันไม่ปิดนะครับ ดูง่ายๆ เปิดวันไหน ในวันนั้นต้องมีเวลาปิดด้วย
ส่วนหม้อแปลงต่างๆ ก็ไว้ในบ้านไม่โดนน้ำหรือทำกล่องกันน้ำไว้นอกบ้านก็ได้ครับ แต่ควรใส่กล่องกันไฟดูด
เฉพาะสายไฟเล็กเท่านั้นที่เดินไปยัง Valve นอกบ้าน หรือจะเอาทุกอย่างไว้ในบ้านแล้วต่อท่อน้ำไปแทนก็ได้ครับ

หากคิดว่ากระทู้นี้มีประโยชน์ก็ช่วยดันด้วยครับ เอาไปใช้กับการเกษตรก็ได้ครับ
วาวล์อย่าซื้อผิดโวลท์นะครับ ของ Rain มัน 24V อยู่แล้ว หากจะไปใช้แบบอื่นที่วาล์ว ใช้โวลท์ไม่เท่านี้ก็เปลี่ยนหม้อแปลงด้วยครับ
แต่ไม่แนะนำเพราะใช้ Rain นี่แหละมันเป็นมาตรฐานการเกษตรอยู่แล้วครับ ยี่ห้ออื่นที่ไม่มาตรฐานเดี๋ยวค้างแล้วค่าน้ำบาน

อนึ่งหากคนที่ใช้ timer ไม่เป็นก็ลองตั้งให้มันเปิดปิด ตอนอยู่บ้านดูก่อนครับ หรือเอาตอนเช้าที่เราตื่นมาดูมันก็ได้ เผื่อพลาด
ข้อดีของระบบนี้คือ เปิด ปิดได้ทั้ง Auto และ Manual และ ที่ วาล์วเลย
ข้อเสียคือควบคุมพร้อมกันทั้งหมดครับ (หากต่อวาล์วไป 2-3 ตัวมันก็เปิดปิดพร้อมกันแรงดันน้ำจะไม่พอครับ 
 ขอขอบคุณ LungYangSing จากห้องชายคา

Sunday, December 28, 2014

รวยจริงไรจริง



"เจ้าสัววิชัย คิงพาวเวอร์" เผยโฉมเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวหรูสุดในโลก ลำละแค่ 2 พันล้าน
ผักชี ทำไรก็อร่อย ยำ ต้ม ใช้โรยหน้าสารพัด สุดแสนจะอร่อย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ Cariandrum sativum L. วงศ์ Umbelliferae
ถิ่นเดิมของผักชีอยู่ในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน ต่อมาก็มีการนำไปปลูกยังประเทศในทวีปยุโรปและเอเชีย สำหรับผักชีที่นำไปปลูกในจีนนั้น เล่ากันว่าได้มีการนำเมล็ดพันธุ์จากประเทศทางตะวันตกของจีนเข้าไปในราชวงศ์ฮั่น (ประมาณ 1,600 ปีมาแล้ว)
ต้นและเมล็ดผักชีมีกลิ่นหอม เพราะมีน้ำหอมระเหย ซึ่งสามารถแก้อาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี และยังมีกลิ่นที่ติดทนกว่าน้ำมันหอมระเหยชนิดอื่น
ผักชีเป็นตัวยาอย่างหนึ่งในการปรุงยาไทย มีสรรพคุณแก้อาการปวดหัว อันเนื่องมาจากมีไข้ ถ้าหัดออกไม่หมดเราจะใช้ผักชีทั้งต้มกินและอาบชโลมตัว ทั้งกินทั้งอาบว่างั้นเถอะ ในการปรุงอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น เป็ด ไก่ หมู เนื้อแพะ ปลา ถ้าได้ใส่ผักชีลงไปก็จะทำให้อาหารมีกลิ่นหอมและยังช่วยขจัดคาวปลาได้ด้วย
สรรพคุณ
ต้นผักชี มีคุณสมบัติร้อนเล็กน้อย รสเผ็ด มีสรรพคุณขับเหงื่อ ทำให้ผื่นหัดออกมากขึ้น ขับลม เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ดับกลิ่นคาวปลา ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
ผลผักชี มีคุณสมบัติร้อนเล็กน้อย รสเผ็ด ทำให้ผื่นหัดออกเร็วขึ้น เจริญอาหาร ดับกลิ่นคาวปลา
ตำรับยา
1. สตรีไม่มีน้ำนมหลังคลอด ต้มผักชีตากแห้ง (หรือสดก็ได้) จำนวนพอควร ต้มน้ำกินเป็นประจำ หรือจะต้มหัวปลาช่อนแล้วใส่ขิงและผักชีลงไปก็ได้ จะช่วยให้มีน้ำนมไหล
2. ปวดท้อง (มีอาการเย็นบริเวณท้อง) และระบบย่อยอาหารไม่ดี ใช้เมล็ดผักชีพอประมาณดองเหล้าองุ่นทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วดื่มวันละ 1-2 แก้ว (เป็กกินเหล้า) หลายๆวันติดต่อกัน
3. หัดที่ผื่นแดงยังออกไม่ทั่ว ให้ใช้เมล็ดผักชีแห้งประมาณ 120 กรัม ใส่หม้อดินหรือหม้อเคลือบ แล้วใส่น้ำพอควรต้ม (ควรใช้เตาถ่านต้มเพราะไฟจะไม่แรงเกินไปและถ่านจะค่อยๆมอดไปเอง) วางไว้ในห้องที่ไม่มีลมโกรก (ควรเป็นห้องเล็กๆ) รมไอที่ต้มเมล็ดผักชี จนผื่นออกทั่วตัวแล้วจึงหยุด

ลือกันว่าสวยที่สุดบนเกาะหมาก เกาะหมากโคโค่เคป รีสอร์ท

 ทะเลตราดเป็นอีกหนึ่งสำหรับเป้าหมายในช่วงวันหยุดของใครหลายๆ คนเมื่อเหนื่อยล้าจากการทำงาน ซึ่งมัก(ลา) ออกมาพักชาร์จแบตให้ตัวเองกัน เพราะหากมาะเลตราดมักมีเกาะเล็กเกาะน้อยให้เลือกท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกาะกูด, เกาะหมาก, หมู่เกาะรัง หรือเกาะกระดาด ที่ยังคงความสมบูรณ์รออวดโฉมแก่นักท่องเที่ยว
สำหรับทริปนี้เราจะพาไปใช้ชีวิตติดเกาะ ลอยทะเล แบบชิลล์ๆ.. กันที่เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท (Kohmak Cococape Resort) รีสอร์ท ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดบนเกาะหมาก ไม่ว่าจะเป็นบนโลกออนไลน์ หรือปากต่อปากของคนที่ไปมาสัมผัสแล้ว..............หากใครคนหาข้อมูลรีวิวเกี่ยวกับ โคโค่เคป จะเห็นข้อมูลออกแนวค่อนข้างติดลบในเรื่องของการบริการเสียเป็นส่วนใหญ่ 
เอาเป็นว่าวันนี้ไหนๆ ก็ได้มาเกาะหมากแล้ว  พอมีเวลาที่จะขี่รถจักรยานยนต์สำรวจได้ ก็ไปเที่ยวเล่นกันหน่อย!! คงไม่เสียหายมากนัก เพราะจริงๆ แล้ว เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท ก็เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่เป็น Choice ในตอนเลือกที่พักของพวกเรา ซึ่งระยะทางจาก "เดอะซินนาม่อน รีสอร์ท" ไปนั้นก็ไม่ไกลมากนัก อีกอย่างทางรีสอร์ทเค้าเปิดให้เข้าไปชมบรรยากาศภายในได้..

 ก่อนถึงตัวรีสอร์ทประมาณ 100 เมตรจะมีจุดให้หยุดชมวิวของอ่าวอีกฝั่ง(แวะถ่ายรูปกันแป๊บ) สำหรับจุดชมวิวนี้จะให้อารมณ์ที่แตกต่างจากอ่าวฝั่งซินนาม่อนอาร์ตรีสอร์ท แรกถึงเรารู้สึกได้ถึงว่า รีสอร์ทแห่งนี้บรรยากาศดีมากๆ น้ำใสทะเลสวย อากาศดี มองดูสงบ แอบเสียดายนิ๊ดดดดดด คือชายหาดเป็นหินทำให้ลงน้ำลำบาก ซึ่งชายหาดฝั่งที่เราไปพักของเกาะหมากเหมือนจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด
สระว่ายน้ำต่างระดับที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีสไลเดอร์สำหรับเด็กๆ เป็นอย่างแรกที่ได้เห็นเมือมาเยือนรีสอร์ทแห่งนี้
 วิวถ่ายรูปสวยมาก เรียกได้ว่าสวยสมคำร่ำลือที่ได้ยินมา เพราะเท่าที่สังเกตุได้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน  Cococape นั้นคือนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพที่มาแค่ถ่ายรูป ซึ่งมันตอบโจทย์เลย (จุดเด่นนั้นคงไม่พ้นเรื่องการมองเห็นวิวทะเลโดยมุมกว้าง)
 สะพานไม้ที่เป็นจุดขายของที่ Cococape มาถึงที่นี่ต้องแวะถ่ายรูป!! จุดเด่นของเราคือสะพานทอดยาวยื่นลงไปในทะเล ซึ่งอากาศสดชื่นมาก เรามีเก้าอี้ชายหาดไว้ให้บริการสำหรับคนที่ต้องการอาบแดด หรือนอนเล่นอ่านหนังสือ ซึ่งน้ำใส มองเห็นตัวปลา ว่ายวนไปมาทักทายสร้างความเพลิดเพลินให้อย่างไม่รู้ลืม นอกจากนั้นยังสามารถทำกิจกรรมทางน้ำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดำผิวน้ำ เราจะมีแนวประการังและหมู่ปลา อาศัยอยู่ ห่างจากปลายสะพานไปประมาณ 200 เมตร
หากอยากทราบเรื่องรายละเอียดของห้องพัก สามารถเข้าไปดูได้ตามลิงค์>>>http://www.kohmakcococape.com

Friday, December 26, 2014

Icelandair plane decorated with northern lights

A Boeing 757 passenger plane from Icelandair has gathered much attention since its exterior was decorated with the northern lights. According to Icelandair spokesman Guðjón Arngrímsson, the paint job was finished yesterday. Photos of the plane are now flying high on the net, with many users admiring its beauty.
The plane's name is Hekla Aurora. "It's gathering massive attenting. We started seeing online photos of it only minutes after it left the hangar," claims Guðjón.

The plane will be part of Icelandair's overseas flights. "Its first stop is Boston, then over to Europe and from there to Seattle," explains Guðjón. He says that the plane's trendy look is part of Icelandair new international ad campaign, called 'Stopover'.

The plane's appearance was designed by Icelandair's marketing department in cooperation with their painting experts.

9 Icelandic restaurants included in a new comprehensive Nordic restaurant guide

Nine Icelandic restaurantshave been included in a new edition of The White Guide, a comprehensive restaurant guide in English covering the best restaurants in Sweden, Denmark, Norway, Finland, Iceland and the Faroe Islands.

The White Guide has been the leading restaurant guide in Sweden since 2004 and was launched in Denmark in early 2014. The guides do not only covering the capitals of each country, but also the top restaurants in other major cities and in the countryside.

Here is the list of restaurants that are included in the guide:
Dill, Reykjavík
Fiskfélagið (Fish Company), Reykjavík
Fiskmarkaðurinn (Fishmarket), Reykjavík
Grillmarkaðurinn (Grillmarket), Reykjavík
Grillið, Reykjavík
Kol, Reykjavík
Lava, Grindavík
Slippbarinn, Reykjavík
Vox, Reykjavík

Iceland - Best in the World

 Iceland is a place of extremes. From the mountains to the valleys to the volcanoes to the glaciers, the country does not do things by half measures. And neither do the Icelandic people, as a nation they seem determined that if they can't be the best at something, they're gonna be the absolute worst. Anythingrather than ordinary.
An island the size of Kentucky in the middle of the North Atlantic Ocean, sporting a population of only 330.000 people, with its own language, culture and its own rich history. The country boasts a number of world-record holders in different disciplines and a number of prominent artists in different fields, as well as being politically unique and incredibly progressive in many ways. Finally the country boasts some impressive records for medication and bad habits.
But how do we best describe the country? Let's paint a picture using statistics and numbers.

How do you like Iceland?
- Reykjavík, the capital of Iceland, is the northernmost capital in the world.
Iceland is the least densely populated country in northern Europe, (9th in the world). In fact, the population is so small, a popular pass-time when meeting someone you don't know, is asking where they're from and finding a mutual acquaintance (there is always a mutual acquaintance). This means it's a great place to get away from droves of tourists and travel off the beaten track, especially if you get out in the country. 
- Iceland has more sheep than people
Vatnajökull (Water-glacier), in the east of Iceland is the largest icecap in Europe.
- Iceland has a lot of waterfalls, among them Dettifoss, the most powerful waterfall in Europe.

Dettifoss, the most powerful waterfall in Europe, with a person next to it for scale.

Iceland the green
Iceland is ranked as a “strong performer” when it comes to green living, which is unsurprising when you consider that:
- All of the country's electricity comes from very environmentally sound hydro- and geothermal electric plants.
- 90% of space heating comes in the form of geothermal water, heated naturally by the earth. 
Strongmen: Two Icelandic men, Jón Páll Sigmarsson and Magnús Ver Magnússon, have each won the “World's Strongest Man” competition on four separate occasions. They are currently tied for 2nd and 3rd place in winning the title most often in the world.

Nesjavellir Power Plant or, as we were told when we were small: "Where clouds are made".
The air and water is some of the cleanest in the world.

Consumption Kings
Icelanders love new things and fast food. For instance:
Icelanders are among the biggest drinkers of Coca-Cola in the world, per capita. 
When Domino's Pizza opened in Reykjavík in 1993, it broke the current record for most pizza sold anywhere in the entire world.
Interestingly Mcdonalds no longer exists in Iceland. When the economy collapsed in 2008 the company famously left the country and hasn't returned since.

Happiest in the world (?)
Iceland has for a long time come up near the top in happiness and well-being surveys, which isn't weird considering it boasts a developed economy with high work participation, gender equality, economic equality, social welfare, long standing peace and unpolluted environment, high standard of living and high life expectancy. There are some signs that this may be changing but Icelanders still report being generally happy and positive towards life.
This is particularly interesting considering that Iceland also has the highest consumption of antidepressants per capita.

Men Strong, Women Beautiful
International beauty queens: Icelandic women have 4 times won large international beauty competitions, Guðrún Bjarnadóttir won Miss International 1963,  and three won Miss World, Hólmfríður Karlsdóttir in 1985, Linda Pétursdóttir 1988 and Unnur Birna Vilhjálmsdóttir in 2005)

In recent years, a young Icelanders named Hafþór Júlíus Björnsson has showed a lot of promise to carry on their legacy, having finished 3rd in the competition both in 1012 and 2013. He is now joining the ranks of famous Icelanders by performing on the hit HBO show Game of Thrones which is filmed in Iceland.

- Iceland is the smallest nation to ever win a medal for a team sport at the Olympics, namely the silver medal for handball in Bejing 2008.
This has given rise to the myth (much preached by Icelanders themselves) that Icelandic women are the most beautiful in the world, and Icelandic men the strongest. However, if that was ever true, it may be changing now, since..
- Iceland is now the second fattest nation in the world.

Some are more equal than others
Iceland is the country with the greatest gender equality in the world
Iceland had the first democratically elected female head of state, Vigdís Finnbogadóttir, in 1985, and the first openly lesbian prime minister in the world, Jóhanna Sigurðardóttir, in 2009.
- Iceland was the first nation to recognise the sovereign state of Estonia in 1991 when they declared independence from the USSR. 
In recent years Reykjavík's mayor, comedian Jón Gnarr, has been very vocal in the battle for gay rights, dressing in drag and openly supporting Russian band Pussy Riot, even going so far as to suggesting breaking off diplomatic relations with Russia due to their persecution of LGTB people

celand the Literary
- Iceland has a 99.9% literacy rate, which might explain why...
- Iceland has the most authors in the world per capita – on average 1 in 10 Icelanders publishes a book at some point in their life. Which is not so strange considering that...
- Icelanders read the most books in the world per capita. This all ties in to Iceland's rich literary history, dating back to the 12th century sagas of the Vikings.

So, is Iceland the best country in the world? Maybe. Maybe not. You can, of course, prove anything using statistics, and when Icelanders claim the country is "the best", it's usually done with more than a little humour. However, it is interesting that such a small country has so many claims to fame on a world scale, so maybe you just need to come here and find out for yourself.