มาเยี่ยมญาติปีละครั้งหรือสองปีครั้ง หรือไม่ก็พาลูกหลานกลับมาเที่ยวนานๆครั้งบ้างนะครับ เวลาผู้คนเหล่านี้กลับมาที่เทือง
ไทยทีไร ผมเชื่อนะครับว่าคงมีคนไม่น้อยที่จะอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามีบ้านหรือคอนโดไว้อยู่เองก็จะดีไม่น้อย โดยไม่ต้องรบกวนญาติๆ
หรือเพื่อนฝูงในเรื่องที่พักอาศัย(ในกรณีที่ไม่มีที่อยู่ของตัวเองนะครับ) เพื่อนผมบางรายรวมถึงตัวผมก็ยังเคยไปอยู่
โรงแรมหรือเช่าอพารท์เมนท์อยู่แบบชั่วคราวเลยครับ ซึ่งแน่นอนละครับก็ต้องเสียค่าใช้แพงหน่อยในส่วนนี้ แถมจะเอาข้างของ
เยอะแยะติดตัวไปด้วยก็ไม่สะดวก ถ้าคุณเป็นคนที่ผมพูดถึงซึ่งต้องทำแบบนี้อยู่บ่อยๆเหมือนผมในสมัยก่อนละ
ก็ ผมขอแนะนำนะครับว่า ถ้าหากคุณมีเงินเย็นพอจะลงทุนซื้อคอนโดในเมืองไทยได้ ผมขอแนะนำว่าซื้อไปเลยเถอะครับ
อย่าไปลังเลคิดมากกับมันให้มาก ส่วนบ้าน ผมไม่ขอแนะนำนะครับ นอกจากคุณมีคนช่วยดูแลให้ตอนคุณไม่อยู่ก็ว่าไปอีกอย่าง
ผิดกับคอนโดที่ไม่ต้องรบกวนให้ใครช่วยดูแลมากครับ คอนโดที่ผมซื้อสิบกว่าปีก่อนโน้นตอนนี้ราคาขึ้นมาเกือบสี่เท่าแล้วครับ
(เพราะไม่ได้คิดว่าจะมี BTS มาอยู่ใกล้ๆ) และทุกวันนี้ผมคิดว่ายังอาจจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆเพราะค่าวัสดุและค่าแรงงาน
ที่มีแต่จะเพิ่ม(ขอเน้นนะครับว่าคุณต้องเลือกซื้อโดยคำนึงถึง location, location และ location
เป็นหลักนะครับ) ตอนสิบกว่าปีก่อนโน้น ผมก็ลังเลอยู่พักใหญ่ แต่ในเมื่อผมต้องการความสะดวกในการไม่ต้อง
จองหาโรงแรมหรือขออาศัยอยู่กับญาติผมตอนผมกลับมาเมืองไทย ผมก็เลยตัดสินใจซื้อครับ สมัยโน้นคอนโดส่วน
ใหญ่ไม่เหมือนในสมัยนี้คือส่วนใหญ่ที่ทำออกมาขายในตอนนี้จะมีให้เป็นแบบ built-in หรือจัด furniture
ให้แบบเต็มๆโดยคุณแค่ยกกระเป๋าใบเดียวก็เข้าไปอยู่ได้เลย คอนโดที่ผมซื้อนั้นเป็นแบบเปลือยเปล่านะครับ
มีแค่โถส้วมและ counter ที่ในห้องน้ำเท่านั้นแหละครับ Air Condition เครื่องทำน้ำอุ่น และแม้แต่ counter
ที่ในห้องครัวก็ยังไม่มีให้เลย ผมก็เลยจำเป็นที่ต้องรบกวนให้เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งติดต่อ contractor ให้ผม
โดยผมไปเปิดบัญชีธนาคารและฝากเงินจำนวนหนึ่งในนามของผมและเพื่อนผม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตกแต่งห้อง
ตอนผมไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อนผมก็ไม่ได้ลำบากมากเท่าไหร่ เพราะเขาฝากกุญแห้องผมไว้กับ contractor
โดยตรง เพราะจะได้เข้าออกห้องผมได้อย่างสะดวกเวลาไปทำการตกแต่งห้อง แค่เดือนหรือสองเดือนเพื่อนผม
ค่อยแวะเข้าไปตรวจเชคดูที เพราะกว่าผมจะกลับมาอีกทีก็เป็นปี แต่การตบแต่งก็ค่อยเป็นค่อยไปและก็เสร็จจน
ได้ภายในหนึ่งปี เมื่อผมกลับถึงเมืองไทยสิ่งแรกที่ผมทำก็คือเปลี่ยนลอคกุญแจห้องครับ ทุกอย่างเข้าที่หมดครับ
ผมมีความสุขมากๆเลยครับที่มีคอนโดของผมอยู่เองโดยไม่ต้องไปพึ่งญาติหรืออยู่โรงแรมเหมือนแต่ก่อน
จะออกแต่เช้าหรือกลับดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหากับผมอีกต่อไป ในระหว่างที่ผมไม่อยู่ในเมืองไทย ผมก็จำเป็น
ต้องรบกวนให้เพื่อนผมช่วยเป็นธุระในการจ่ายค่าน้ำค่าไฟและค่าส่วนกลางแทนผม หลายปีมาแล้วผมไม่จำเป็น
ต้องรบกวนเพื่อนผมอีกต่อไปแล้วครับ เพราะผมไปทำบัญชีจ่ายโดยตรงกับการไฟฟ้า องค์การโทรศัพท์
และค่าส่วนกลางกับทางนิติโดยตรง ยกเว้นแค่ค่าน้ำที่ต้องจ่ายกับทางนิติด้วยตัวผมเอง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับเพราะ
ผมใช้วิธีฝากเงินจำนวนหนึ่งไว้กับทางนิติของผม (เขาออกใบเสร็จให้ผมเก็บเป็นหลักฐานด้วยครับ)
แล้วก็หักค่าน้ำออกจากเงินจำนวนนี้ เห็นไหมครับว่าความยุ่งยากแทบจะไมีมีเลยนะครับในการมีคอนโดของตัวเอง
ผมก็ต้องขอบคุณเพื่อนผมเป็นอย่างมากที่มีส่วนช่วยผมในเรื่องนี้ เวลาผมกลับมาทีไรถึงจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไร
จากการเดินทาง ผมก็ต้องทำความสะอาดห้องเองทุกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นจะสกปรกมากเท่าไหร่ เพราะผมซื้อผ้าโหลๆ
ถูกๆแถวพาหุรัดคลุมพวก furniture TV และอุปกรณ์ไฟฟ้่าต่างๆไว้ครับ ผมจะพับเก็บผ้าเหล่านี้แล้วเอ
าเข้าเครื่องซักเสื้อผ้าซัก และจะใช้คลุมอีกทีก่อนผมออกจากห้องตอนกลับไปต่างประเทศครับ ผมมาคิดดูแล้ว
การลงทุนในการซื้อคอนโดของผมนี้มันคุ้มกับผมจริงๆเลยครับ เพราะราคาที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบสี่เท่าถึงแม้ผมต้องจ่าย
ค่าส่วนกลางในแต่ละปี บวกลยคูณหารอย่างไร ผมยังมีกำไรอีกมากถ้าผมจะขายออกไปตอนนี้ ที่ตีเป็นตัวเงินไม่ได้
ก็คือความสุขและความอิสระที่ผมมี่ที่อยู่ส่วนตัวของผมเองครับ
No comments:
Post a Comment